วันนี้แอดมินได้หยิบยกเอาประสบการณ์การ กู้ – ตรวจสอบ – ตกแต่งบ้าน ของคุณ jobnacab มาแนะนำเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่ชื่นชอบหรือสนใจเกี่ยวกับเรื่องบ้านแบบครบ จบภายในโพสเดียวมานำเสนอครับ
สวัสดีค่ะ วันนี้ยืมแอคเคาท์แฟนมาเล่าให้ฟังถึงการตัดสินใจซื้อบ้านหลังแรกของเราค่ะ ก่อนหน้านี้เราแต่งงานและย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านสามี แต่พอมีลูกก็เริ่มมีความคิดที่อยากจะขยับขยายที่อยู่อาศัย อยากมีสนามหญ้าให้เด็กน้อยวิ่งเล่น ก็เลยชวนสามีไปดูมาหลายๆโครงการ ทั้งทาวน์โฮม บ้านแฝด แต่สุดท้ายก็มาลงเอยกันที่บ้านเดี่ยวค่ะ โครงการที่เราดูๆไว้เป็นแถบราชพฤกษ์ค่ะ เพราะใกล้บ้านพ่อแม่สามี มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ เดินทางไปไหนมาไหนสะดวกทั้งเข้าเมืองหรือออกต่างจังหวัด โดยเราก็ได้เข้าไปดูแบบบ้านแล้วก็ลองคุยกับเซลล์ของโครงการ ว่าเคสอาชีพของเรามีโอกาสที่จะกู้ผ่านมั้ย (เรากับแฟนทำอาชีพธุรกิจส่วนตัวค่ะ) ทางเซลล์ก็เลยนัดให้มาคุยกับทางธนาคารที่ดีลกับทางโครงการค่ะ ทางธนาคารก็ดีมากให้คำปรึกษาและก็พยายามคิดหาวิธีที่จะทำให้กู้ผ่าน โดยเราได้ยื่นกู้ไป 2 ธนาคารค่ะ เป็นแบงค์สีม่วง และแบงค์จีน (จริงๆสามารถกู้ได้หลายธนาคาร แต่เราเคยกู้ไม่ผ่านไปแล้วครั้งนึงค่ะ)เป็นแบบกู้ร่วม 2 คนกับแฟน พอตัดสินใจที่จะยื่นกู้ ก็ทำเรื่องมัดจำจองบ้านกับทางโครงการ เป็นจำนวน 20,000 บาท
โดยแบบบ้านที่เราเลือกเป็นบ้านหลังมุม มีพื้นที่ 61.1 ตรว. พื้นที่ใช้สอย 227 ตรม. ที่ถูกใจมากที่สุดคือโครงการนี้มีทั้งหมด 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ(ห้องน้ำในตัวทุกห้อง+ห้องน้ำแขก) จอดรถได้ 3 คัน ต่อรองแล้วราคา 6.XX ล้านบาท โดยโปรโมชั่นที่ทางโครงการแถมมาเพิ่มก็จะมี
– เครื่องปรับอากาศ (Inverter) จำนวน 5 เครื่อง (24,000/18,000/12,000/9,000*2)
– ปั้มน้ำ + แทงค์น้ำ
– จัดสวนตามมาตรฐานโครงการ
– ฟรีวออล์เปเปอร์ทั้งหลัง
– ฟรีค่าส่วนกลาง 2 ปี
– ฟรีค่ามิเตอร์น้ำ,ไฟ
เมื่อลองเปรียบเทียบกับหลายๆโครงการในย่านราชพฤกษ์ ฟังก์ชั่นบ้านขนาดนี้ก็ถือว่าคุ้มมากๆ
หลังจากที่เตรียมเอกสารทั้งหมดส่งให้ทางธนาคารพิจารณาก็ถึงช่วงเวลาที่ลุ้นที่สุดค่ะว่าจะผ่านไม่ผ่าน แต่ทางธนาคารก็จะคอยอัพเดทข้อมูลกับเราตลอดเวลาว่าขาดอะไร ต้องการเอกสารอะไรเพิ่ม ผ่านมาประมาณ 2 สัปดาห์ก็ได้ทราบผลจากแบงค์ม่วงค่ะว่ามีโอกาสผ่าน แต่จะต้องไปปิดภาระซึ่งก็คือบัตรเครดิตก่อนค่ะ หลังจากที่ทำเรื่องปิดยอดหนี้เรียบร้อย ทางธนาคารก็แจ้งผลการยื่นกู้และเคาะดอกเบี้ยมาที่ คงที่ 2.6% (3 ปีแรก) ปีที่ 4 MRR-1.75% ค่ะ (ส่วนอีกแบงค์เงียบหายไปเลย ต้องโทรตามถึงทราบผลว่าไม่ผ่าน)
พอรู้ว่ากู้ผ่านแล้ว ก็ทำสัญญาซื้อขายกับทางโครงการ และก็เตรียมตรวจบ้านค่ะ โดยเราได้ให้ทางบริษัทรับตรวจบ้านมาตรวจให้ค่ะ เพราะเราไม่มีความรู้ทางเรื่องวัสดุก่อสร้างเลย อ่านรีวิวหลายๆเจ้า สุดท้ายก็มาจบลงที่บริษัท สบายใจคอนโด รับตรวจบ้าน โดยก่อนถึงวันตรวจ 1 วัน ทางบริษัทก็จะมี SMS มาเตือนเราก่อนค่ะ พอถึงวันตรวจ วิศวกรก็มาพร้อมกับเครื่องมือมากมายและก็เริ่มตรวจกันตั้งแต่เช้าเลยค่ะ จากบ้านที่เคยดูสวยๆ ตอนนี้เต็มไปด้วยสติ๊กเกอร์ Defect เพียบเลยค่ะ นี่ถ้าไม่ได้จ้างตรวจกับทางบริษัทก็คงไม่เห็นว่าบ้านเรามี Defect เยอะขนาดนี้ 555
ซึ่งบางจุดถ้ามองผ่านๆก็เหมือนปกติไม่มีอะไร แต่พอวิศวกรเค้ามาตรวจจริงๆแล้วมันกลับไม่ได้เสป็ค อันนี้ต้องยกนิ้วให้เลยค่ะ
หลังจากตรวจภาพรวมแล้วก็มาลงรายละเอียดระบบไฟฟ้า ประปา ท่อน้ำ ท่อระบายน้ำ ตรวจการรั่วซึมของน้ำผ่านรอยต่อประตูหน้าต่างทุกบานซึ่งถือว่าละเอียดมากๆเลยค่ะ
โดยหลังจากตรวจเสร็จประมาณ 1-2 วัน ทางบริษัทก็จะมีรายงานผลการตรวจส่งให้ทั้งทางเจ้าของบ้านและทางโครงการ เพื่อที่จะได้แก้ไขให้ครบทุกจุด
และเมื่อทางโครงการแก้ไขงานเสร็จ เราจะได้เอาเอกสารตัวนี้ไว้ดูทีละจุดเลยว่าทางโครงการได้แก้ไขแล้วจริงมั้ย ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานในการแก้ไขเพราะปัญหาที่เจอไม่ใช่ปัญหาหนักค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องความสวยงามเล็กๆน้อยๆมากกว่า โดยการตรวจรอบ 2 เราจะจ้างบริษัทมาตรวจหรือไม่ก็แล้วแต่เราเลยค่ะ ทางบริษัทไม่ได้บังคับแต่อย่างใดค่ะ หลังจากแก้เสร็จเรียบร้อยก็เซ็นโอนบ้านเป็นอันจบขั้นตอนการซื้อขายค่ะ และนี่คือภาพรวมภายในบ้านก่อนตกแต่งค่ะ
หลังจากโอนบ้านแล้ว เราก็เริ่มทำการตกแต่งภายในบ้านกันค่ะ โดยเราเลือกที่จะทำบิ้วท์อินไปเลย ซึ่งห้องที่จะทำก็จะมีบริเวณที่เป็นห้องนั่งเล่น ห้องกินข้าว(ทำเคาท์เตอร์ Pantry) ห้องนอนใหญ่ และห้องเก็บของใต้บันได โดยโจทย์ของเราคืออยากได้บ้านสไตล์ Modern Classic โทนอบอุ่น และอยากให้บ้านดูโล่ง โปร่ง ไม่อึดอัด เพื่อนก็เลยแนะนำบริษัทออกแบบพร้อมรับเหมาตกแต่งภายในให้เข้ามาคุยและนัดหมายดูหน้างานและคุยรายละเอียดความต้องการของเรา หลังจากนั้นไม่นานก็ได้แบบ Mood & Tone ที่ทางอินทิเรียส่งมาให้ดูคร่าวๆค่ะ
ซึ่งเมื่อโอเคตาม Mood & Tone แล้ว ก็จะมีการตกลงรายละเอียดค่าใช้จ่ายคร่าวๆ และมีการมัดจำก่อนออกแบบขึ้นงาน Perspective 3D มาให้ดูค่ะ
หลังจากที่ปรับแก้ดีไซน์ให้ตรงกับความต้องการของเราแล้ว ก็จะมาคุยกันถึงงบประมาณที่ต้องใช้ทั้งหมดว่าเป็นราคาเท่าไร ใช้วัสดุอะไรบ้าง เมื่อคุยต่อรองราคากันจบแล้ว มีการแบ่งงวดงานต่างๆแล้ว ทางอินทีเรียก็จะนำแบบตกแต่งมาให้เราดูที่บ้านพร้อมกับนัดผู้รับเหมาเพื่อจะได้ชี้แจงรายละเอียดก่อนขึ้นงานจริงค่ะ โดยระยะเวลาคร่าวๆในการดำเนินงานตกแต่งของเราอยู่ที่ประมาณ 2 เดือนค่ะ หลังจากจ่ายงวดแรกแล้ว ทางผู้รับเหมาก็เริ่มมาลงงานทันทีเลยค่ะ โดยเริ่มจากเคลียพื้นที่ ปูกระดาษกันบริเวณพื้น แล้วเริ่มทำงานฝ้า งานไฟฟ้า ส่วนโครงไม้ของตู้ต่างๆก็ขึ้นแบบมาจากโรงงานได้เลยค่ะเพราะว่าช่างได้เข้ามาวัดที่หน้างานเรียบร้อยแล้ว
1 อาทิตย์ผ่านไป เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วค่ะ
ส่วนในห้องครัวนั้น เราได้จ้างช่างโครงการให้เข้ามาปูกระเบื้องผนังให้ค่ะ ส่วนบานตู้ด้านล่างเคาท์เตอร์ครัว ทางผู้รับเหมาออกแบบภายในแถมให้ค่ะ
หลังจากลงงานโครงไม้จบแล้ว คราวนี้ก็มาถึงงานยากแล้วค่ะ นั่นก็คือการทำสีพ่น ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้เวลาและต้องอาศัยสภาพอากาศที่เป็นใจด้วย แต่ช่วงนั้นเป็นหน้าฝนพอดี กว่าจะพ่นได้ก็ลำบากน่าดูค่ะ
พอพ่นสีเสร็จก็จะเป็นการติดพวกกระจกตกแต่งต่างๆ และงานปิดผิวไม้ด้วยแผ่นลามิเนตค่ะ ที่ทราบขั้นตอนทั้งหมดเพราะว่าแวะเข้าไปดูงานทุกเย็นค่ะ ไม่ค่อยเห่อเท่าไร 5555
และนี่คือภาพตอนที่ตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ สวยงาม ถูกใจมากๆค่ะ
ส่วนข้างบ้านที่เป็นลานซักล้าง เราต่อเติมหลังคากันสาด แล้วจ้างช่างโครงการมาปูแผ่นทางเดินให้ค่ะ เพราะไม่อยากลงเข็มพื้นให้วุ่นวาย ตั้งใจว่าจะใช้เป็นลานนั่งปิ้งย่างหมูกระทะ 555
โรงรถหน้าบ้านก็ต่อหลังคากันสาดออกมาเหมือนกัน แล้วให้ช่างมาปูด้วยกระเบื้องโทนสีขาวๆ ดูสะอาดตาดีค่ะ (แต่เลอะง่ายมากๆ 555)
มุมสวนข้างบ้าน ก็จัดเป็นสวนสไตล์อังกฤษ มีน้ำพุโรมันเล็กๆ พร้อมโต๊ะจิบชา
จบแล้วค่ะสำหรับรีวิวการซื้อบ้านหลังแรกของเรา ขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตามอ่านมาจนจบนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนค่ะ
ทางแอดมินต้องขอขอบคุณ คุณ jobnacab กับการแชร์ประสบการณ์การตกแต่งบ้านในครั้งนี้ด้วยครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกท่านที่สนใจในเรื่องการ Renovate บ้านทุกท่านครับผม