วันนี้แอดมินได้หยิบยกเอาประสบการณ์การ สร้างบ้าน ของคุณ ANTIPASTO มาแนะนำเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่ชื่นชอบหรือสนใจจะ สร้าง หรือ Renovate บ้านกันนะครับ
วันนี้ได้มีโอกาสสร้างบ้านเดี่ยวในฝันบนที่ดินที่ซื้อเอง ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ในชีวิต เลยขอยืม Login สามีมาแชร์ให้สมาชิกพันทิพชมบ้าง บ้านหลังนี้สร้างเสร็จเข้าอยู่ได้ปีกว่าแล้ว ใช้ระยะเวลาสร้าง 1 ปีเต็ม งบประมาณการก่อสร้างเฉพาะตัวบ้าน 2.75 ล้านบาท
จุดเริ่มต้นก่อนจะมีบ้าน
เดิม จขกท กับสามีเราสองคนมาจากครอบครัวที่มีฐานะธรรมดา แต่งงานกันไวหวังจะช่วยกันสร้างฐานะ ตั้งใจว่าสมบัติชิ้นแรกที่เราจะมีร่วมกัน คือรถยนต์ เราช่วยกันเก็บหอมรอมริบ จนได้เงินพอซื้อรถยนต์แล้ว แต่สามีเกิดเปลี่ยนใจ อยากมีบ้านเป็นของตัวเองก่อน ก็เลยเริ่มมองหาบ้าน ตอนนั้นในซอยที่เราอยู่มีบ้านเดี่ยวกำลังสร้างขาย เราสองคนได้เดินไปดู สวยถูกใจ แต่สอบถามราคาแล้ว คือ 4 ล้านบาท จำได้ว่าเราสองคนก็เดินคอตกกลับบ้าน ราคานี้ในตอนนั้นถือว่าแพงเลยทีเดียว จะกู้ก็คงไม่พอเพราะเงินเดือนน้อย แต่เราทั้งคู่ชอบที่นี่มาก ปกติไม่ค่อยเห็นบ้านเดี่ยวแบบนี้ในเมือง และมันคือถิ่นที่เราคุ้นเคย กลางเมือง แต่ด้วยความสามารถจำต้องตัดใจ เลยเริ่มมองหาคอนโดฯ แทน ยุคนั้นคอนโดยังไม่เป็นที่นิยม ราคาเลยยังไม่สูงเหมือนทุกวันนี้
หลังจากนั้นก็ตะเวนหาคอนโดสร้างใหม่ที่ไปทำงานใจกลางเมืองสะดวก ตอนนั้นแถวที่เราอยู่มีคอนโด แนวรถไฟฟ้า แต่รางและสถานียังอยู่ในช่วงที่กำลังสร้าง เราสองคนมองแล้วว่าทำเลดี มีอนาคต เลยตกลงจองไว้ ขนาด 1 นอน 35 ตรม ตอนนั้นซื้อมาในราคา 1.62 ล้าน ผ่อนดาวน์ไป 3 ปี ระหว่างนี้เราก็เร่งเก็บเงินเพื่อกู้เงินให้น้อยที่สุด และเป็นค่าตกแต่ง เราสองคนออกแบบตกแต่งเอง อยู่ไปได้สามปี ตอนนั้นรถไฟฟ้าเปิดใช้แล้ว และปี 2554 น้ำท่วมใหญ่ ทำให้คอนโดได้รับความนิยมมาก ราคาคอนโดใหม่ใกล้เคียง ขนาดห้องเดียวกันเกือบ 3 ล้านบาท เลยลองประกาศขายไปในราคา 2.83 ล้านบาท ผลตอบรับดีเกินคาด ไม่นานหลังจากประกาศ คอนโดก็ขายได้ในราคาที่เราต้องการ ตอนนั้นทำให้เราสองคนมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นจากการขายคอนโดห้องนี้เย๊อะเลย
หลังจากขายคอนโดก็กลับมาอยู่บ้านแม่ก่อน ยังไม่ทันได้มีบ้านก็ท้อง และด้วยความชินที่อยู่กันลำพังสองคนหลายปี สามีต้องมาอยู่กับครอบครัวของเรา ทำให้เค้ายิ่งอยากมีบ้านของตัวเองมาก จากนั้นได้ตะเวนดูบ้านตามหมู่บ้านทุกวันหยุด แต่ด้วยระยะทางไกล และตัวเองกับสามีทำงานคนละเวลา คิดแล้วคงไม่ดีแน่ หมู่บ้านที่เราเคยสนใจตอนนั้นก็เข้าใจว่าคงขายหมดแล้ว เพราะว่าผ่านไปสิบปี มองเข้าไปก็เห็นว่ามีบ้านเต็มทุกหลัง แต่อะไรที่มันเป็นของเรามันก็ต้องเป็นของเรา มีคนมาบอกว่ามีที่ดินว่างอยู่ในหมู่บ้านนั้น 1 แปลงสุดท้าย ด้านใน หลังจากที่รู้ สามีรีบเข้าไปดูแล้วถ่ายรูปส่งมา ดีใจมาก เพราะที่ผืนนี้อยู่ใกล้รถไฟฟ้าสองสถานี ไปมาสะดวก ใกล้บ้านแม่ไม่ถึง 300 เมตร แม่มาช่วยเลี้ยงลูกได้ด้วย วันนั้นเราเข้าไปคุยกับเจ้าของที่ดินในหมู่บ้าน ฟังราคาแล้วก็ตะลึง สมัยก่อนที่เรามองไว้คือ พร้อมบ้าน 4 ล้าน ตอนนี้แค่ที่ดินอย่างเดียว 3.5 ล้าน (54 ตรว) พร้อมปลูกบ้านด้วยคิดที่ราคา 7.5 ล้านบาท ต่อลองยังไงก็ไม่ลดให้อยู่ดี เลยตัดใจ แต่เหมือนคาใจ ความอยากได้มันวนๆ เวียนๆ อีกหลายเดือนเลยกลับไปดูที่ดินผืนนั้นอีกครั้ง แล้วลองไปคุยกับเจ้าของที่ดินอีกรอบ ต่อรองราคาพร้อมกับขอสร้างเองเพื่อให้ได้ราคาถูกลง วันนั้นตกลงกับเจ้าของที่ได้ เค้ายอมลดราคาให้เรา จึงรีบมัดจำทำสัญญากันทันที หลังจากนั้นดีใจมากเดินไปจินตนาการบ้านในฝันทุกวัน ไม่คิดว่าที่ๆ เคยอยากได้ วันนี้มันยังรอเราอยู่จริงๆ
ขั้นตอนกว่าจะมาเป็นบ้านในฝัน
ที่ดินผืนนี้ขนาด 54 ตารางวา มีหน้ากว้าง 13.5 ลึก 16 เมตร ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ถูกใจมาก แถมมีรั้วมาแล้วสามด้าน ขาดก็เพียงแต่ด้านหน้า ที่เหลือแค่งานก่อฉาบ ซึ่งคาดคะเนแล้วใช้งบอีกไม่มาก
หลังจากที่มัดจำเรียบร้อยแล้วเราก็หาสถาปนิกทันที สถาปนิกที่เราเลือกใช้ ตอนนั้น search google หาหลายๆ ที่ แต่เห็นค่าออกแบบแต่ละที่เกือบจะไปใช้แบบฟรีของเขตแล้ว แต่เจอเจ้านึงขายแบบสำเร็จรูปราคาไม่แพง ตามไปดูที่ Facebook เห็นรีวิวหลายๆ ท่านชมว่าสวย สถาปนิกใจดี ราคาไม่แพง เราเลยลองติดต่อดู คุยแล้วถูกคอ ราคาถูกใจ เลยเริ่มออกแบบ ปรับแบบจนเป็นที่พอใจ แก้แบบไป 6 ครั้งได้ ใช้เวลาไปทั้งหมด 3 เดือนเต็ม สถาปนิกใจดีไม่มีรำคาญลูกค้าประเภทเย๊อะแบบเราเลยค่ะ การออกแบบไม่ได้เจอตัวกัน แค่คุยกันผ่านไลน์อย่างเดียว โดยส่งสำเนาฉโนด และถ่ายรูปที่ดินและบริเวณรอบๆ ให้สถาปนิกดู และบอกความต้องการ อีกทั้งงบประมาณไป ขนาดบ้านที่ต้องการไม่ใหญ่เหมาะสำหรับพ่อแม่ลูก ครอบครัวเล็กๆ ของเรา
หลังจากแบบ 3D เสร็จ แปลนบ้านถูกใจแล้ว จากนั้นเราก็ต้องรอให้เขียนเป็นแบบก่อสร้างที่เสร็จจนเป็นรูปเล่ม เพื่อไปขออนุญาตก่อสร้างที่สำนักงานเขต
บ้านหลังนี้มีพื้นที่ใช้สอย 144 ตารางเมตร 3 นอน 2 น้ำ บอกสถาปนิกไว้ที่งบประมาณก่อสร้าง 2.4 ล้านบาท
เมื่อสถาปนิกส่งแบบก่อสร้างมาให้ เราก็นำไปยื่นเขต ขั้นตอนนี้ตอนยื่น แจ้งเจ้าหน้าที่ไว้ก่อนเลยว่า ถ้ามีผิดพลาดตรงไหน ผู้ออกแบบยินดีแก้ไขให้ค่ะ ทำให้เสียเงินค่าธรรมเนียม 126 บาทถ้วน ไม่มีนอกมีใน และระหว่างนี้ ก็ได้สรรหาผู้รับเหมา ช่วงเวลานั้นจำได้ว่าเริ่มๆ ปวดหัวกับการสรรหาผู้รับเหมาแล้ว เพราะบางเจ้าราคาแพงโดด บางเจ้าส่งแบบให้เสนอราคา ไม่ตอบกลับมา จนสุดท้ายเดินตามหาแถวบ้านว่ามีใครกำลังสร้างบ้านอยู่บ้าง ก็เลยไปคุยกับเจ้าของบ้านว่าผู้รับเหมาเป็นอย่างไร ส่วนผลงานก็ดูตามหน้างาน เน้นดูผลงานจริง และคุยกับเจ้าของบ้านโดยตรง สรุปได้เจ้าสุดท้าย การว่าจ้าง ควรจะมี BOQ ด้วยค่ะ จำเป็นมาก แต่ด้วยผู้รับเหมาเจ้านี้ ใช้วิธีตีราคาเหมา โชคดีที่แบบก่อสร้างมีเสปคระบุทุกอย่าง ทุกรายการวัสดุอย่างละเอียด ในสัญญาจึงระบุว่าตามแบบที่กำหนด เลยไม่มีปัญหารอดตัวไป
พอแบบอนุญาติก่อสร้างผ่าน และทำสัญญากับผู้รับเหมาเรียบร้อย โชคดีอีกที่ว่าผู้รับเหมาไม่การเรียกเก็บเงินงวดแรกวันทำสัญญา โดยจะให้เคลียร์ริ่งพื้นที่ และเริ่มเจาะเสาเข็มไปบางส่วน แล้วจึงเริ่มเก็บเงินงวดแรก
หลังจากเคลียร์ริ่งพื้นที่ ผู้รับเหมาก็ทำการวางผัง เจาะเสาเข็ม ตัดหัวเข็ม เช็คศูนย์เสา แล้วก็หลังจากนั้นขั้นตอนทำฐานราก ตอม่อ และก็ทำคานชั้น 1 ปูนที่ใช้ เราใช้ปูนสำเร็จทุกส่วนของโครงสร้างบ้าน กำหนดห้าม ผรม ใช้ปูนผสมเองเด็ดขาด
หลังจากงานใต้ดินจบ หลังจากนี้ เราจะเห็นความคืบหน้าบนดินกันบ้าง
หลังจากจบงานโครงสร้าง อันที่จริงแล้วต้องต่อด้วยโครงหลังคาและมุงหลังคา ตรงนี้เราตกลงกับ ผรม ว่าขอตัดส่วนนี้ออก โดยเราจะให้ทาง SCG เป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมด เนื่องจากทราบว่า SCG มีการรับประกันการรั่วซึม 10 ปี แต่ราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับราคาที่ ผรม เสนอมา เพื่อความสบายใจยอมจ่าย ชนิดของหลังคาที่สถาปนิกออกแบบให้นั้นเป็นหลังคาคอนกรีตแผ่นเรียบ แต่เราได้เปลี่ยนเป็นหลังคาเซรามิค Excella Modern เพราะไม่อยากให้สีหลังคาซีด ในอนาคตข้างหน้า แต่เป็นกระเป๋าตังที่ซีดแทนค่ะ แต่ด้วยคิวช่วงนี้เย๊อะ ทาง SCG ล่าช้า เลยเดินหน้างานก่อไประหว่างนี้
งานก่อเกือบเสร็จแล้ว ทีมงานหลังคาเพิ่งได้คิว มาถึงก็เริ่มงานกันอย่างขยันขันแข็ง แยกเป็นทีมโครงหลังคา เชิงชาย และทีมมุงกระเบื้อง ขั้นตอนต้องมีส่งของเข้าหน้างานก่อน มีเจ้าหน้าที่เช็คสินค้า ถึงวันทำก็คนละหมุบหมับ การทำงานเรียบร้อยดี มีมาตรฐาน มีการตรวจ QC ทุกขั้นตอน เป็นขั้นตอนที่สบายใจที่สุด เมื่อเสร็จเรียบร้อย ทาง SCG ก็จะส่งใบรับประกันมาให้ ตอนนี้ผ่านมา 2 ปี ยังไม่พบปัญหารั่วซึมใดๆ
หลังจากจบงานหลังคา ช่างก็จับเซี้ยมประตูหน้าต่าง ช่างเป็นช่างรุ่นเก่า ถนัดเซี้ยมสด ไม่ใช้ PVC ช่างบอกว่ากรณีเซี้ยมแตก ซ่อมง่ายกว่า ทำขั้นตอนนี้ไปพร้อมกับช่างไฟ ช่างประปา โดยฝังท่อกรีดผนัง หลังจากจบแล้ว ก็ฉาบ แต่ก็ก่อนฉาบ ต้องติดกรงไก่ บริเวณรอยต่อระหว่างคอนกรีตกับงานก่อ (สำคัญมาก ถ้าไม่อยากรำคาญตากับรอยร้าวปูนฉาบในอนาคต) ทุกมุมประตูหน้าต่าง แต่ด้วยว่าบางวันต้องไปทำงาน ในส่วนนี้พบว่ามีบางจุดช่างไม่ได้ใส่ จุดไหนที่ไม่ใส่ พบว่ามีรอยร้าวปูนฉาบทุกจุด แก้ไขโดยการกรีดผนัง มีทั้งหายและไม่หาย
ฉาบเสร็จแล้ว ก็ให้ช่างอลูมิเนียมเข้ามาวัดหน้างาน งานหลังจากนี้เป็นงานตกแต่ง งานไหนที่สามารถทำพร้อมกันได้โดยไม่ขวางกันก็มาทำพร้อมกันไป
เทปูนขัดมันพื้นชั้นสอง เพื่อเตรียมไว้สำหรับปูพื้นลามิเนต
งานฝ้าชายคา ฝ้าชายคาที่ใช้ ใช้ไม้ระแนงคอนวูดขนาด 3 นิ้ว ตามแบบให้ตีเว้นระยะ 0.5 cm แต่ด้วยไม่ชอบที่แหงนมองไปเห็นตาข่ายกันแมลง เลยเลือกที่จะตีชิดแทน ผลปรากฏว่า ต่อให้ใช้หลังคาแพงแค่ไหน ถ้าไม่มีช่องให้ระบายอากาศ มันก็ร้อนเหมือนๆ กัน ตรงนี้เลยอยากแนะนำให้ตีเว้นร่อง สถาปนิกคิดมาให้แล้ว
งานปูกระเบื้อง งานกระเบื้อง หัวหน้าช่างเป็นคนปูเองทั้งหมดทั้งหลัง ถือว่าปูได้สวยงาม เน้นย้ำช่างว่า ไม่ขอใช้คิ้ว ถ้ามุมกระเบื้องขอให้เจียรเข้ามุม 45 องศา ช่างทำได้มั้ย ช่างบอกสบายมาก ดังนั้นงานปูกระเบื้องคือสวยงามถูกใจ
วงกบประตูหน้าต่าง เราใช้ระบบแห้งทั้งหมด ถ้าเป็นประตูทั่วไป ใช้ 4 นิ้ว กรณีประตูห้องน้ำ ห้องครัวที่มีการปูกระเบื้อง ใช้ขนาด 5 นิ้ว เพื่อให้พอดีกับระดับกระเบื้อง ประตูและวงกบเลือกใช้ไม้เทียม WPC ตัดปัญหา ปลวก ชื้น บวม หด ขยาย ส่วนนี้เราเข้าไปดิวกับโรงงานเอง เพื่อที่จะให้เค้าเจาะมือจับด้วยคอมพิวเตอร์
ฝ้าภายใน ห้องรับแขกเลือกที่จะทำฝ้าหลุมซ่อนไฟในบริเวณห้องรับแขก หลังจากนั้นก็เป็นผ้าแบบฉาบเรียบทั้งหมด
งานติดตั้งไม้บันได ราวเหล็ก ไม้ที่เลือกเป็นไม้ตะแบก ซึ่งเป็นไม้ที่มีราคาถูกกว่าไม้สัก แต่สวยคล้ายๆ กัน ส่วนนี้เราให้ช่างใช้เครื่องเจาะให้ไม้เป็นรูสำหรับเหล็กสอดลงไปได้เลย เพื่อความสวยงาม
ช่วงนี้ส่วนใหญ่จะเป็นช่างเฉพาะทาง คนงานก่อสร้างก็หันมาทำรั้วแทน
ช่างสีเริ่มเข้าแล้ว แล้วได้ทำความสะอาดพื้นผิวผนัง และทำการทาสีรองพื้นบ้านภายใน ภายนอก เพื่อให้งานอลูมิเนียมเข้ามาติดตั้ง ติดหน้าต่างประตูอลูเรียบร้อยแล้ว บ้านเริ่มค่อยเป็นบ้าน ดูดีขึ้นมาเชียว อลูมิเนียมที่เลือกใช้ สีเทาเข้มผิวซาฮาร่า (เนื้อทราย) เป็นเกรดยูโรโปรไฟล์ ซึ่งพอติดตั้งแล้วงานอลูดูดีกว่าท้องตลาดทั่วไป ราคาก็สูงขึ้นมาอีก เป็นงานตัดประกอบมาจากโรงงานเลย
หลังจากนี้ก็เริ่มงานสีจริง โดยเริ่มจากฝ้าชายคา และเชิงชาย โดยสีที่เลือกใช้ ส่วนใหญสถาปนิกกำหนดมาให้เรียบร้อยพร้อมกับตัวอย่างสี แต่ก็มีเปลี่ยนแปลงบางสีเองด้วย เช่นสีเชิงชายสถาปนิกให้เทาอมม่วง และฝ้าระแนงออกน้ำตาลเหลืองไป เราก็ทำการเปลี่ยนจนถูกใจ
แล้วมาต่อที่ทาสีภายใน เลือกที่จะทาสีเข้มบางผนัง
หลังจากนั้นเรียกช่างบิ๊วครัวเข้ามาวัดพื้นที่เพื่อผลิตและติดตั้งอีก 45 วัน
การติดตั้งท็อปแกรนิต ห้องน้ำทั้งสองห้อง โดยใช้ช่างแกรนิตโดยเฉพาะ ส่วนนี้เราติดต่อหาเอง เพราะอยากให้งานเนี๊ยบ โดยให้ผู้รับเหมาจ่ายตัง พร้อมทั้งติดตั้งสุขภัณฑ์ไปด้วย โดยใช้บริการช่างของ คอตโต้
เมื่อทาสีเสร็จแล้วก็ติดตั้งอุปกรณ์แสงสว่าง ไฟฟ้า ทั้งหมดในบ้าน สวิซ ปลั๊ก เลือกใช้ พานาโซนิค รุ่นนีโอไลน์
พื้นชั้นสอง เดิมทีสถาปนิกระบุพื้นลามิเนต แต่ด้วยที่บ้านมีเด็ก และเคยใช้ลามิเนตมาก่อนแล้ว เลยคิดว่าไม่เหมาะ จึงหาวัสดุอื่นที่ทนกว่า ดูแลง่ายกว่า จึงมาจบที่พื้นไวนิลแทน หรือกระเบื้องยางแบบคลิ๊กล็อค หนา 5 มิล ผิวสัมผัสอาจสู้ลามิเนตไม่ได้เรื่องความนุ่มเท้าเวลาเดิน แต่ความคงทนการดูและรักษาชนะขาดลอย
ความฝันอยากมีห้องแต่งตัว WIC แต่ด้วยบ้านหลังเล็ก และงบประมาณจำกัด ก็ทำได้แบบกระทัดรัด แต่ก็ถูกใจเพราะเป็นคนไม่แต่งตัวไม่มีเสื้อผ้าอะไรซักเท่าไหร่ เท่านี้ก็พอใจแล้ว แบบตัว I กว้าง 2.8 M.
เทพื้นโรงรถ คานรับประตู และติดประตูรั้วเสตนเลส
ปูกระเบื้องโรงรถ ตอนนี้หัวหน้าช่างออกจากไซต์งานไปเริ่มงานบ้านหลังใหม่ เลยต้องขอผู้รับเหมาให้ช่วยกลับมาปูกระเบื้องให้ก่อน
ปูพื้นแผ่นทางเดินหลังบ้าน ด้วยกลัวว่าพื้นอาจจะมีการทรุดตัว เลยปูแผ่นพื้นใช้งานไปก่อน ทำออกมาแล้ว คล้ายๆ การเทคอนกรีตแสตมป์เลย
จัดสวน ขั้นตอนนี้เคยเรียกบริษัทรับจัดสวนมา ตีราคาไว้ที่ 1 แสนบาท แต่งบประมาณเริ่มร่อยหรอ เลยขอออกแบบจัดเองแบบง่ายๆ ไม่ต้องบำรุงรักษา เลยเลือกใช้ต้นไม้ริมรั้ว ต้นโมก ไทรเกาหลี ต้นไม้ใหญ่เป็นกันเกรา และปูหญ้าเทียมแทน โดยต้นไม้สั่งเองจากสวนที่ปราจีนบุรี ซึ่งถูกกว่าแถวรังสิตมาก เช่นโมก รังสิตขาย 100 ที่สวนขายราคา 45 บาท โดยคิดราคาค่ารถต่างหาก แต่ถ้าเทียบกันแล้ว สั่งทีเดียวทั้งบ้าน ถูกกว่าหลายพัน มีค่าจ้างปลูกต้นละ 5 บาท
และหลังจากปลูกต้นไม้เสร็จก็ทำการนัดช่างปูหญ้าเทียม ให้มาทำการปู โดยเจ้าที่เลือกนี้ใช้หินเกล็ดในการปู ช่างบอกว่าระบายน้ำได้ดีกว่าทราย หลังจากใช้งานมาปีกว่าชอบมาก ไม่มีปัญหาน้ำขัง ใบไม้ร่วงหล่นกวาดเก็บง่าย
ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ และขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นโยชน์กับใครหลายๆ คนที่กำลังจะมีบ้าน หรือฝันที่จะมีบ้าน หากมีข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ทางแอดมินต้องขอขอบคุณ คุณ ANTIPASTO กับการแชร์ประสบการณ์ การสร้างบ้านในนี้ด้วยนะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกท่านที่สนใจในเรื่องการสร้าง และ Renovate บ้านทุกท่านครับผม