วันนี้แอดมินได้หยิบยกเอาประสบการณ์การ Renovate ของคุณ สมาชิกหมายเลข 3639054 มาแนะนำเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่ชื่นชอบหรือสนใจจะ Renovate บ้านกันนะครับ
เกริ่นก่อนคือ ผมเป็นคนที่ทำงานประจำ มาโดยตลอด และกำลัง มองหา รายได้เสริมจากการหาอะไรทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ กับเงินเก็บก้อนนึงที่มีไม่มากนัก จึงเริ่มมองหาตึกแถว เพื่อที่จะทำที่พัก จึงประกาศหา จากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ใน Facebook ที่รู้จักก่อน เพราะเกรงว่าถ้าทำกับคนที่ไม่รู้จัก จะเกิดปัญหาได้เพราะระยะเวลาในการเช่าส่วนใหญ่ก็ 3 ปี
หลังจากที่ประกาศไปก็มีเพื่อนทักเข้ามาว่า มีตึกที่ครอบครัวเขา เซ้งไว้ และเปิดให้เช่า ในราคาเพื่อนพ้อง อยู่แถววงเวียน22 กรกฏาคม จะลองมาดูไหม!!
ปฏิบัติการจึงเริ่มขึ้น . . .
ตัวผมเองเคยไปแถวนั้นมาก่อนและเห็นมีร้าน คาเฟ่ เก๋ๆ สวยๆมากมาย จึงเกิดความสนใจ และนัดแนะเพื่อที่จะเข้าไปดูตึก
หลังจากที่ได้เข้าไปดูก็ถึงได้รู้ว่าตึกนี้เดิมทีเป็นร้านขายอะไหล่รถจักรยานยนต์มาก่อน มีสภาพที่มีแต่คราบน้ำมัน แต่ค่อนข้างเก่าทรุดโทรม ตัวตึกมีอายุมานานกว่า70 ปี
ซึ่งวงเวียน22 กรกฏาคมก็คือ วงเวียนที่สร้างขึ้นเพื่อลำลึกถึงการที่ไทยเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่1 ในสมัยรัชการที่6 (วงเวียน22 กรกฏาคมจึงมีทั้งหมด 6 แยก) นั่นเอง
พอเดินดูรอบๆ ก็จึงได้เห็นว่าตึกมีรูปทรงที่ประหลาดมาก ด้านหน้าเป็นตึกแถวธรรมด๊า ธรรมดา แต่พอเดินเข้ามาด้านใน กลับมีเนื้อที่ที่ลึกมากถึง 30เมตร!! จะแม่จ๋าา และมีบันไดขึ้นลงได้ถึงสองทาง
มีห้องถึง3 ส่วน (ส่วนหน้า / ส่วนกลาง / และส่วนหลัง)
หลังจากตัดสินใจอยู่พักนึงจึง เอาว่ะ เริ่มให้ช่างเข้ามาทำความสะอาดและเคลียร์พื้นที่ ซึ่งใช้เวลากว่า 1 เดือนเต็มๆ…
โดยที่ให้ช่าง กระเทาะโครงสร้างออกทั้งหมด เช่น
เลาะฝ้าเพดาน เพื่อเปลือยให้เห็นโครงสร้างความสวยงามของตัวไม้ ซึ่งทำให้เราเห็นไม้ที่หายากมากๆ อย่างไม้พยูงเป็น 1ในไม้เพดาน และ ไม้พื้นบนชั้นสองด้วย!! ตามหลักความเชื่อไม้พยูงถือเป็นไม้มงคล ที่คนจีนโบราณมักมีไว้ในบ้าน ถ้ารวยหน่อยก็มีเยอะหน่อย อาจจะทั้งพื้น แต่ของเราได้มาสองแผ่น
ผมให้ช่างรื้อทุกอย่างออก ให้เหลือไว้เพียงแค่โครงสร้างจริงๆ ผนังก็ให้กระเทาะออกให้เหลือในส่วนที่แข็งแรงไว้ให้มากที่สุด ซึ่งความสวยของช่างกับความสวยของเราก็คนละแบบ จึงต้องจูนกัน ผมต้องไปหารูปให้ช่างดู พาช่างไปดูตึกเก่า ว่าความสวยของผม เป็นอย่างไร ค่อยๆปรับความเข้าใจให้ตรงกัน สร้างความมั่นใจให้ช่างกล้าที่จะทุบในส่ิงที่ไม่ใช่ 555 (ซึ่งจริงๆช่างก็คือช่างจากที่บ้านผม ซึ่งทำอพาร์ทเม้นอยู่แล้ว ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเลย)
จากการที่ช่างเข้ามาทำจึงเห็นปัญหาหลายอย่าง ที่ต้องแก้ไข อย่างเช่น เดิมทีบ้านหลังนี้มีทางเข้าสองทางคือด้านหน้าและด้านหลัง แต่ด้านหลังถูกปิดไว้ด้วยรถ 10ล้อ ที่จอดทิ้งมานานกว่า40ปี ซึ่งจากการพูดคุยกับชุมชนในละแวกรอบๆ เราจึงตัดสินใจที่จะอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข เพราะทางเจ้าของรถ10 ล้อก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับรถคันนี้ยังไง จะขนไปไว้ที่ใหน ค่าใช้จ่ายเท่าไร บลาๆ ทางเราจึงตัดสินใจปิดทางออกทางด้านหลัง และสร้างห้องน้ำเพื่อใช้ประโยชน์จากเนื้อที่นี้ให้ตอบโจทย์ที่สุดและไม่ไปกระทบชุมชนที่เขาอยู่กันมาแต่เดิม
และเลาะประตูบานเฟี้ยม ที่อยู่ด้านหลังไปไว้ด้านหน้า ซึ่งเป็นประตูโบราณที่มีราคาแพงมากในยุคนี้
หลังจากนั้นก็เริ่มวางโครงสร้างว่าเราจะทำเป็น Homestay จึงวางห้องนอนไว้ข้างบนสองห้องนอน และ ให้ข้างล่างเป็นส่วนของคาเฟ่ โดยยึดหลักการออกแบบให้กับไปเป็นในยุคสงครามโลกครั้ง ที่ผสมผสานระหว่าง ยุโรปกับจีน หรือที่เรียกว่า Chino Portuguese ซึ่งเราจะเห็นตึกลักษณะนี้มากใน ไทย มาเลเซีย สิงคโปร เวียดนาม
ในส่วนของประตูด้านหน้า เราไส่เป็นประตูบานเฟี้ยมที่เลาะออกมาจากด้านหลัง และ กั้นโซนให้ มีเนื้อที่ด้านหน้าร้าน ไว้เป็นจุดพัก ปลูกต้นไม้ จอดจักรยาน ก่อนที่จะเข้ามาในตัวร้าน เพื่อให้มีโซนของพื้นที่ ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
ส่วนในโซนด้านหน้า เราตั้งใจจะให้เป็นในส่วนของ Lobby โรงแรมแบบเก่า
พอเราทำก็เริ่มเห็นน้ำซึมลงมาจากชั้นสอง ผ่านปูนที่มีอายุมากว่าครึ่งศตวรรษ เนื่องจากด้านบนตึกของเราเป็นโรงแรมแสงฟ้า ที่ยังคงเปิดให้บริการ พอเราขึ้นไปดู ปรากฏว่า ซึมจากด้านในต้องรื้อทั้งห้อง และทางโรงแรมไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ เราจึงรับอาสาขึ้นไปทำห้องน้ำให้เค้าใหม่
สร้างผนังฮวงจุ้ยในแบบของคนจีนขึ้นมากลางบ้าน
หลังจากนั้นถึงได้วางระบบไฟได้โดยที่ใช้เป็นระบบไฟเปลือยทั้งตึก
และในส่วนของบาร์กาแฟก็ใช้อิฐบล็อก มาก่อขึ้นเป็นเคาท์เตอร์ เพื่อให้เข้ากับโครงสร้างแบบดั้งเดิม
อิฐบล็อกชนิดเดียวกันนำมาทำที่กั้น บริเวณนอกชาน
ติดพัดผมเพดานในแบบโบราณ
พอเราได้โครงสร้างในแบบที่เราต้องการแล้วก็มาในส่วนของการตกแต่ง และเริ่มหาเฟอร์นิเจอร์ ประกอบกับเป็นช่วงโควิทกำลังระบาดหนักพอดี เราจึงได้มีเวลาในการตกแต่ง โดยเรามีแนวคิดที่จะทำที่นี่ให้เป็นเหมือนสถานีรถไฟโบราณ ที่คนในยุคนั้นนิยมเดินทางกันโดยรถไฟ แล้วตึกแห่งนี้ก็มีความยาว คล้ายๆรถไฟ โดยเอาบ้านเลขที่มาเป็นชื่อ คือ บ้านเลขที่ 350 จึงเป็นที่มาของ 350 Station นั่นเอง
นาฬิกาจำลองมาจาก นาฬิกาในสถานีรถไฟ Waterloo จากประเทศอังกฤษ
ก๊อกน้ำที่สั่งเป็น ก๊อกน้ำโบราณ ทองเหลือง
เตียงสั่งทำมาใหม่ โดยเป็นการแกะไม้แบบเตียงโบราณ
โซฟา เป็นโซฟาฝรั่งเศสที่ไปได้มาจากบ้านที่เขาโล๊ะเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่เข้ากับบ้านทิ้ง
ตู้จากร้านเย็บผ้ายุโรป อายุกว่า 60ปี
โต๊ะทำยีนโบราณ ในแบบอเมริกัน
เคาท์เตอร์โรงแรมแบบอังกฤษ ได้มาจากร้านพี่ที่รู้จักกัน ที่วัดสวนแก้ว ที่เดิมทีเคยเป็นเคาท์เตอร์ที่ใช้ในราชการไทย ที่นำเข้ามาจากอังกฤษ
และรางรถไฟวางไว้ที่พื้นเป็นกิมมิก มาจาก ฮังการี่
โต๊ะ เก้าอี้อังกฤษ ได้มาจากการเปิดตู้คอนเทนเนอร์ ที่ขนของมาจากยุโรป
ชุดโต๊ะเก้าอี้เซคโกสโลวาเกีย
ภาพวาดโบราณที่นำมาไส่กรอบโบราณ ทำให้ได้ Felling ในแบบ แกลอรี่ รูปปั้นสไตล์ อิตาลี่ เพิ่มความเป็นบรรยากาศแบบยุโรป
ตกแต่งด้วยต้นไม้เมืองร้อน ที่ทำให้รู้สึกถึงความเป็นยุโรปทางใต้
ทางแอดมินต้องขอขอบคุณ คุณ สมาชิกหมายเลข 3639054 กับการแชร์ประสบการณ์การ Renovate ร้านในครั้งนี้ด้วยครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกท่านที่สนใจในเรื่องการ Renovate บ้านทุกท่านครับผม